โลกการเทรดนั้นเป็นหนึ่งในโลกที่น่าตื่นเต้นซึ่งมี CFD (สัญญาการซื้อขายส่วนต่าง) และ Forex เป็นตัวเลือกยอดนิยม เส้นทางความสำเร็จในวงการเทรดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็เป็นไปได้ ถึงแม้ความทุ่มเทและการทำงานอย่างหนักระหว่างนั้นอาจดูยากเข็ญ ขั้นตอนเหล่านี้ก็สามารถช่วยให้คุณพัฒนาเป็นนักเทรดอันดับต้นๆ ได้ คุณต้องพยายามอย่างมากถึงจะเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จได้ และถึงแม้คุณจะอ่านบทความ “รวยทางลัด” มามากมาย ก็อย่าให้มันหลอกคุณจนคิดว่าการเทรดต้องทำแบบรวดเร็วและเสี่ยงเท่านั้น มันมีเส้นทางและกลยุทธ์หลายอย่างที่ปลอดภัยกว่ามาก
สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมว่าจะเริ่มเป็นนักเทรดได้ยังไง มันมีสองสามอย่างที่คุณต้องคิดอย่างระมัดระวังก่อนที่จะตัดสินใจ และหนึ่งในเรื่องที่ต้องคิดก็คือกลยุทธ์หรือแผนการเทรด
ในบทความนี้ เราจะมาดูวิธีการสร้างแผนหรือกลยุทธ์ โดยเน้นไปที่:
การศึกษา
ในทุกความสำเร็จ การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ! การจะประสบความสำเร็จในโลกการเทรดได้ การศึกษาพื้นฐานตลาดเป็นสิ่งสำคัญ และถ้าจะให้ดีควรรู้เรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วย คุณจะเจอบทความมากมายที่สามารถให้ความรู้เรื่องนี้ได้จาก Hantec Learning Hub. ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มเข้ามาในตลาดหรือว่ามองหามุมมองใหม่ๆ บทความของเราก็จะช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกว่าต้องทำยังไงถึงจะเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จได้ เมื่อเริ่มมุ่งมั่นจะเป็นนักเทรด คุณต้องมีความเข้าใจเรื่องพื้นฐานเศรษฐศาสตร์มหภาคและอิทธิพลของภูมิรัฐศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังตลาดการเงินโลก
รูปแบบการวิเคราะห์
มีรูปแบบการวิเคราะห์หลักๆ สามรูปแบบที่คุณควรเรียนรู้ ขณะที่สร้างกลยุทธ์การเทรด:
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
- การวิเคราะห์อารมณ์ตลาด
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือที่นักเทรดใช้ประเมินตลาดการเงินและตัดสินใจในการเทรด การวิเคราะห์นี้อิงจากแนวคิดที่ว่าราคาตลาดเคลื่อนไหวเป็นคลื่นและเป็นวัฏจักร หากวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของราคาในอดีตก็อาจคาดการณ์พฤติกรรมราคาในอนาคตได้
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้กราฟเพื่อระบุรูปแบบจากข้อมูลราคา ซึ่งจากนั้นสามารถนำไปสร้างสัญญาณซื้อหรือขายได้ กราฟเป็นการนำเสนอความเคลื่อนไหวของราคาในเวลาที่ผ่านมาด้วยภาพ มีเครื่องบ่งชี้ทางเทคนิคหลายตัวที่สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้ และนักเทรดมักจะใช้เครื่องบ่งชี้ทางเทคนิคหลายตัวพร้อมๆ กันในการตัดสินใจด้านการเทรด
ถึงแม้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะไม่สามารถรับประกันความสำเร็จในตลาดการเงินได้ แต่มันก็สามารถนำมาใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของนักเทรดได้ เมื่อเข้าใจการวิเคราะห์ทางเทคนิค นักเทรดก็จะเข้าใจตลาดมากขึ้นและตัดสินใจด้านการเทรดได้โดยมีข้อมูลรองรับ
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นวิธีการที่วิเคราะห์ตลาดการเงินด้วยการศึกษาเศรษฐศาสตร์มหภาคและภูมิรัฐศาสตร์
ซึ่งอาจส่งผลต่อราคา โดยมันรวมถึงปัจจัยอย่างภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย อัตราการจ้างงาน และความมั่นคงทางการเมือง เมื่อเข้าใจแล้วว่าปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่ออุปสงค์อุปทานด้านความปลอดภัยอย่างไร นักเทรดก็สามารถวางกลยุทธ์การเทรดโดยมีข้อมูลรองรับได้
การวิเคราะห์อารมณ์ตลาด
การวิเคราะห์อารมณ์ตลาดเป็นรูปแบบการวิเคราะห์ตลาดการเงินโลกที่มักจะถูกมองข้าม การวิเคราะห์อารมณ์ตลาดเป็นวิธีการที่วัดอารมณ์หรือความรู้สึกของกลุ่มคน โดยมักจะวิเคราะห์จากข้อความของพวกเขา แต่ว่าในตลาดการเงิน การวิเคราะห์อารมณ์ตลาดจะถูกใช้เพื่อตัดสินใจด้านการเทรดโดยอิงจากความรู้สึกโดยรวมของผู้ร่วมตลาดนั้นๆ
มีวิธีการหลายอย่างที่นำมาใช้วิเคราะห์อารมณ์ตลาดได้ แต่หนึ่งในวิธีที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็คือใช้เครื่องบ่งชี้อารมณ์ตลาด เครื่องบ่งชี้อารมณ์ตลาดนี้จะพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่างเช่นอารมณ์จากโซเซียลมีเดีย คำแนะนำจากนักวิเคราะห์ และการซื้อขายภายใน เมื่อพิจารณาปัจจัยทั้งหมดนี้แล้ว เครื่องบ่งชี้ก็สามารถจัดทำข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าด้านอารมณ์ตลาดได้ จากการวิเคราะห์อารมณ์ตลาด นักเทรดสามารถรู้ได้ว่าตลาดจะเคลื่อนที่ไปทางไหนและตัดสินใจด้านการเทรดโดยมีข้อมูลรองรับได้
หากต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทั้งสามรูปแบบ เชิญชมบทความของเราได้เลย – วิธีการวิเคราะห์ตลาด Forex 3 ประเภทไหนที่พบได้มากที่สุด
กรอบเวลา
กรอบเวลาที่คุณถือสถานะการเทรดเอาไว้เป็นปัจจัยหลักในการเลือกวิธีการและกลยุทธ์การเทรด กรอบเวลาการเทรดนี้อาจจำกัดตามเวลาเทรดที่คุณสามารถเทรดได้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้เทรดแบบรายวันจะต้องสามารถเฝ้าดูตลาดได้อย่างใกล้ชิดและต้องใช้เวลาทั้งวันไปกับการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาและทำการเทรดหลายครั้งระหว่างวันตามแผนเทรดของพวกเขา ในขณะที่ผู้เทรดแบบสวิงหรือถือสถานะสามารถใช้เวลาสองสามวันหรือแม้แต่หลายสัปดาห์ในการเทรด ซึ่งทำให้ใช้เวลาในการเทรดได้น้อยลง
ประเภทของกลยุทธ์
มีกลยุทธ์การเทรดหลากหลายแบบ โดยมีตัวอย่างบางส่วนดังนี้:
- การเทรดแบบสวิงและแบบถือสถานะ
- การเทรดแบบรายวัน
- การเทรดระยะสั้น
- การเทรดตามพฤติกรรมราคา
- การเทรดด้วยชุดคำสั่ง
- การเทรดตามเหตุการณ์ในตลาดหุ้น
และหากคุณอยากรู้รายละเอียดของกลยุทธ์เหล่านี้ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดแบบต่างๆ ได้ในบทความของเรา คุณรู้ 5 กลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุดสำหรับนักเทรดทุกคนไหม
เวลาตัดสินใจว่ากลยุทธ์การเทรดแบบไหนเหมาะสมกับคุณที่สุด มีปัจจัยหลายอย่างที่คุณอาจต้องพิจารณาก่อน เช่น:
- เวลาที่คุณสามารถทุ่มให้กับการเทรด
- จุดประสงค์และเป้าหมายในการเทรด
- สภาพจิตใจและลักษณะนิสัยของคุณ
- กลยุทธ์ไหนที่คุณ “รู้สึกว่าใช่”
คุณมีเวลาให้การเทรดมากแค่ไหนเป็นคำถามแรกที่สำคัญมากๆ ซึ่งจะช่วยคุณตัดสินใจว่าคุณอาจต้องสร้างกลยุทธ์แบบไหน คุณเทรดเป็นงานเสริมหรือว่าเป็นงานหลัก หรือคุณสามารถทุ่มเวลาทั้งวันไปกับการเทรดได้ไหม และคุณอยากให้การเทรดเป็นรายได้หลักหรือเปล่า นักเทรดส่วนใหญ่เริ่มเทรดขณะที่ยังทำงานปัจจุบันอยู่ และถ้าประสบความสำเร็จก็ตั้งใจจะเป็นนักเทรดเต็มเวลา แต่ถ้าในหนึ่งวัน คุณมีเวลาเทรด เวลาวิเคราะห์กลยุทธ์ และใช้กลยุทธ์ที่จำกัด คุณก็ต้องบริหารจัดการกลยุทธ์ของคุณตามนั้น
นี่คือสรุปรูปแบบกลยุทธ์การเทรด ระยะเวลา และช่วงเวลาเทรดสำหรับกลยุทธ์แต่ละแบบ
รูปแบบกลยุทธ์การเทรด | ระยะเวลา | ช่วงเวลาการเทรด |
---|---|---|
การเทรดแบบสวิงและแบบถือสถานะ | ระยะสั้น/กลาง | วัน, สัปดาห์ |
การเทรดแบบรายวัน | ระยะสั้น | นาที, ชั่วโมง |
การเทรดตามพฤติกรรมราคา | ระยะสั้น/กลาง | นาที, ชั่วโมง, วัน, สัปดาห์ |
การเทรดด้วยชุดคำสั่ง | ระยะสั้นมากๆ (โดยปกติแล้ว) | วินาที, นาที |
การเทรดตามเหตุการณ์ในตลาดหุ้น | ระยะสั้นมากๆ/สั้น | วินาที, นาที, ชั่วโมง |
วัตถุประสงค์ในการเทรดของคุณคืออะไร เหมือนปัจจัยด้านเวลาที่เราพูดถึงไป คุณตั้งใจจะหารายได้เสริมหรือคุณตั้งใจจะเป็นนักเทรดมืออาชีพ การตัดสินใจนี้อาจส่งผลต่อการเลือกประเภทของกลยุทธ์ หลักการทั่วไปก็คือยิ่งคุณเทรดในกรอบเวลาที่สั้น คุณก็มีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น นี่เป็นเพราะคุณเคลื่อนไหวในตลาดบ่อยขึ้นกว่าเดิม ซึ่งทำให้มีโอกาสที่จะได้กำไรมากพอที่คุณจะเทรดเป็นอาชีพเต็มเวลา แต่ในขณะเดียวกัน คุณก็ต้องสนใจมันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับงานประจำ!
ตัวตนของคุณและความสามารถของคุณส่งผลสำคัญต่อการเลือกแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับคุณ คุณเก่งคณิตศาสตร์และชอบดูกราฟหรือเปล่า หรือว่าคุณชอบวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหภาคและพื้นฐานของตลาดมากกว่า ลองล้วงลึกในจิตใจและลักษณะนิสัยของคุณเพื่อหาว่ากลยุทธ์การเทรดแบบไหนทำให้คุณ “รู้สึกว่าใช่” บางกลยุทธ์อาจจะ “เข้ากัน” กับคุณและทำให้รู้สึกว่าใช่ ในขณะที่กลยุทธ์อื่นๆ ทำให้คุณงุนงง
ตลาดที่ควรเทรด
มันเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมากๆ คุณจะเทรดและทำแผนจากตลาดไหน คุณอาจสร้างกลยุทธ์ที่สามารถใช้ได้กับกลุ่มสินทรัพย์หลายๆ กลุ่ม หรือวางแผนที่อาจเหมาะกับกลุ่มสินทรัพย์เดียวเช่น Forex หรือคุณอาจพบว่ากลยุทธ์ของคุณสามารถใช้ได้กับตลาดเฉพาะภายในกลุ่มสินทรัพย์หนึ่งเท่านั้น เช่นทองในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ คุณอาจต้องลองผิดลองถูกผ่านการทดสอบและหลังจากทดสอบแล้ว คุณก็จะสามารถตัดสินใจได้ว่าตลาดไหนที่เหมาะกับกลยุทธ์การเทรดของคุณมากที่สุด โดยคุณสามารถลองทดสอบได้อย่างไร้ปัญหาด้วยบัญชีทดลองของ Hantec
ทิศทางการเทรด
เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าคุณจะเป็นนักเทรดประเภทไหน เลือกกรอบเวลาและประเภทของกลยุทธ์ที่คุณจะใช้กับการวิเคราะห์ที่คุณเลือกแล้ว การตัดสินใจสำคัญต่อไปซึ่งคุณต้องตัดสินใจจากผลวิเคราะห์ก็คือทิศทางที่คุณจะเทรด นั่นก็คือคุณจะเป็นผู้ซื้อที่ซื้อถูกขายแพง หรือเป็นผู้ขายที่ขายแพงและซื้อคืนในราคาถูก มันฟังดูชัดเจน แต่ว่าวิธีที่แผนเทรดของคุณสร้างจังหวะและกระตุ้นการซื้อหรือขายในตลาดนั้นสำคัญมากๆ
จุดเข้าเทรด
เมื่อแผนของคุณส่งสัญญาณขายหรือซื้อ ขั้นตอนต่อไปคือเลือกว่าจะซื้อถูกขายแพงหรือซื้อคืนในราคาถูก คุณอยากซื้อและขายในทันทีที่กลยุทธ์ส่งสัญญาณเลยหรือเปล่า คุณมีช่วงที่ล่าช้าเพราะรอการยืนยันสัญญาณหรือเปล่า สัญญาณนั้นคือสัญญาณราคาที่คุณสามารถเข้าตอนที่ตลาดชนหรือทะลุระดับราคาหรือเปล่า ทั้งหมดเป็นคำถามที่คุณต้องตอบขณะที่กำลังสร้างแผนของคุณ
จุดออกจากการเทรด: จุดเอากำไร/จุดตัดขาดทุน
เมื่อคุณเข้าร่วมเทรดแล้ว หรือก่อนที่จะเริ่ม การกำหนดจุดตัดขาดทุนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ จุดตัดขาดทุนคืออุปกรณ์จัดการเงินที่คุณควรใช้เพื่อหยุดการขาดทุน สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การวางจุดตัดขาดทุนในเวลาที่คุณไม่อยากจะเสียเงินมากเกินไป แต่คุณควรวางในจุดที่มุมมองต่อตลาดของคุณเปลี่ยนไป และคุณไม่อยากถือสถานะต่อไปแล้ว การวางจุดตัดขาดทุนในระดับที่เหมาะสมช่วยบริหารความเสี่ยงได้ดีซึ่งมันสำคัญมาก
จุดเอากำไรก็คล้ายคลึงกัน กำหนดจุดเอากำไรหรือระดับเป้าหมายในการเทรดเอาไว้ก็สำคัญต่อความสำเร็จในการเทรดและทุกแผนการเทรดที่สมบูรณ์
การบริหารความเสี่ยง
การบริหารความเสี่ยงมักจะเป็นแง่มุมที่ถูกมองข้ามไปโดยนักเทรดมือใหม่และมันน่าจะเป็นหนึ่งในแง่มุมที่สำคัญที่สุดในการเทรด ผลลัพธ์จากการเสียเงินในตำแหน่งที่เปิดนั้นรุนแรง ดังนั้นการคำนวณความเสี่ยงทุกครั้งก่อนที่ตัดสินใจเทรดจึงเป็นเรื่องสำคัญ หลักการทั่วไปก็คือในการเทรดแต่ละครั้ง คุณไม่ควรนำทุนไปเสี่ยงเกิน 1 เปอร์เซ็นต์ คุณสามารถคำนวณอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนและอัตราการชนะในเวลาที่ผ่านมาเพื่อพัฒนาการบริหารความเสี่ยงของคุณได้ คุณสามารถอ่านเกี่ยวกับหน่วยวัดการเทรดนี้ได้ในบทความอัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทนและอัตราการชนะ
ทำบันทึกการเทรด
ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดและการวิเคราะห์ อีกทั้งอารมณ์และจิตใจก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ประสบความสำเร็จ ทางที่ดีที่สุดในการเรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณคือทำบันทึกเอาไว้ มันไม่ใช่แค่ช่วยแสดงให้เห็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีในการเทรดแต่ละครั้งเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่ากลยุทธ์บางอย่างนั้นเหมาะสมหรือไม่ คุณจะได้ปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์เมื่อเวลาผ่านไป
หลักการสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ดี
ถ้าคุณสามารถนำปัจจัยเหล่านี้ไปทำกลยุทธ์การเทรดได้ คุณก็จะประสบความสำเร็จในเส้นทางการเทรดมากขึ้น และอย่างที่คุณเห็นจากตารางด้านล่างนี้ มันไม่มีทางลัดในการสร้างกลยุทธ์การเทรดเลย ปัจจัยด้านบนส่วนใหญ่แล้วเป็นสิ่ง “จำเป็น” ในการสร้างแผนการเทรดทั้งนั้น
ปัจจัยของกลยุทธ์ | จำเป็น/เลือกได้ |
---|---|
การศึกษา | จำเป็น |
รูปแบบการวิเคราะห์ | จำเป็น |
กรอบเวลา | จำเป็น |
ประเภทของกลยุทธ์ | จำเป็น |
ทิศทางการเทรด | จำเป็น |
จุดเข้าเทรด | จำเป็น |
จุดออกจากการเทรด: จุดเอากำไร/จุดตัดขาดทุน | จำเป็น |
การบริหารความเสี่ยง | จำเป็น |
บันทึกการเทรด | เลือกได้ |
ไม่มีเวลาไหนเหมาะเท่าเวลานี้แล้ว ทำไมไม่เริ่มสร้างและทดสอบกลยุทธ์การเทรดของคุณด้วยบัญชีทดลองของ Hantec เลยล่ะ หรือถ้าให้ดีกว่านั้น ก็ทดสอบกับตัวอย่างจริง แต่ว่าเสี่ยงน้อยกว่ากับบัญชี