ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาร์ลส์ ดาว (ซึ่งตั้งชื่อดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ตามชื่อตัวเอง) พบหลายวิธีที่สามารถใช้วิเคราะห์ตลาดการเงินได้ ซึ่งในตอนนี้ผู้คนส่วนมากรู้จักกันในชื่อ ทฤษฎีดาว หนึ่งในบทเรียนสำคัญจากทฤษฎีดาวคือตลาดเคลื่อนที่เป็นแนวโน้ม โดยมีแนวโน้มสามประเภท: ขาขึ้น ขาลงและไม่แน่นอน สำหรับนักวิเคราะห์และนักเทรดทางเทคนิค การระบุเวลาที่ตลาดอยู่ในแนวโน้ม (ขาขึ้นหรือขาลง) หรือแนวโน้มที่ไม่แน่นอน หรือกลับตัวในกรอบราคาเป็นหัวใจสำคัญของทุกกลยุทธ์ในการเทรด
นิยามของตลาดในแนวโน้มคืออะไร
ตลาดไม่ได้เคลื่อนที่เป็นเส้นตรง แต่มันเป็นชุดของจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด ทฤษฎีดาวกำหนดให้แนวโน้มขาขึ้นคือชุดของจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่แนวโน้มขาลงคือจุดสูงสุดที่ต่ำลงและจุดต่ำสุดที่ต่ำลงตามลำดับ
นิยามของตลาดในกรอบคืออะไร
บางครั้งตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวแบบที่มีจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น หรือจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดต่ำลงอย่างต่อตามลำดับเสมอไป แต่มันเคลื่อนไหวด้วยจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดแบบสุ่ม บางจุดสูงและบางจุดต่ำกว่าจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดก่อนหน้านั้น เราเรียกการเคลื่อนไหวแบบนี้ว่าแนวโน้มที่ไม่แน่นอน หรือที่รู้จักกันในชื่อตลาดในกรอบ
นอกจากการดูแนวโน้มขาขึ้น ขาลงและแนวโน้มที่ไม่แน่นอนแล้ว นักวิเคราะห์และนักเทรดทางเทคนิคสามารถใช้เส้นแนวโน้มกำหนดขอบเขตของตลาดในแนวโน้มและตลาดในกรอบได้
เส้นแนวโน้มคืออะไร
เส้นแนวโน้มคือเส้นที่ลากระหว่างสองจุด – โดยทั่วไปแล้วจะลากจากจุดที่สูงสุดหรือต่ำสุดที่สังเกตได้ นักเทรดใช้เส้นเหล่านี้ระบุตลาดในแนวโน้มหรือตลาดในกรอบ เส้นแนวโน้มจะลากจากจุดสูงสุดในแนวโน้มขาลง และจุดต่ำสุดในแนวโน้มขาขึ้น
เส้นแนวโน้มทำงานยังไง
เส้นแนวโน้มสามารถนำมาใช้ระบุแนวรับและแนวต้านได้ ซึ่งจากนั้นคุณสามารถนำข้อมูลมาใช้เป็นจุดเข้าเทรดหรือจุดออกจากการเทรดได้ เส้นแนวโน้มยังทำให้คุณคาดการณ์เวลาที่ตลาดอาจเปลี่ยนทิศทางได้ – ยกตัวอย่างเช่น จากระยะขาขึ้นสู่ระยะเป็นกลาง หรือจากระยะที่ไม่แน่นอนไปเป็นแนวโน้มขาลงหรือขาขึ้นโดยที่ราคาทะลุกรอบ คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้จากบทความ วิธีการเทรดทะลุกรอบราคาของเรา
เส้นแนวโน้มประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง
ประเภทของเส้นแนวโน้มสามารถแบ่งออกคร่าวๆ ได้ดังนี้:
- เส้นแนวโน้มขาขึ้น
- เส้นแนวโน้มขาลง
- เส้นแนวโน้มไม่แน่นอน หรือเส้นแนวโน้มรวมฐาน
แนวโน้มขาขึ้น (จุดต่ำสุดสูงขึ้น)
แนวโน้มขาขึ้นคือชุดของจุดสูงสุดที่สูงขึ้นและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น ดังที่เห็นในรูปด้านล่าง เส้นแนวโน้มถูกลากโดยการเชื่อมจุดสวิงต่ำสุดที่ต่อเนื่องกันที่กำหนดแนวโน้มขาขึ้น จากนั้นคุณสามารถใช้เส้นแนวโน้มขาขึ้นนี้เป็นแนวรับได้
แนวโน้มขาลง (จุดสูงสุดต่ำลง)
คุณสามารถจำแนกแนวโน้มขาลงได้จากชุดของจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ต่ำลง ดังภาพด้านล่าง ให้ลากเส้นแนวโน้มเชื่อมจุดสูงสุดที่สำคัญ คุณจะสามารถใช้เส้นนั้นเป็นแนวต้านได้
แนวโน้มที่ไม่แน่นอน (ในกรอบ)
ในตลาดที่ไม่แน่นอนหรือตลาดในกรอบ คุณสามารถวาดเส้นแนวโน้มที่ไม่ได้ระบุแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงได้ แต่เป็นตัวระบุแนวโน้มที่ไม่แน่นอนหรือตลาดในกรอบ เส้นแนวโน้มเหล่านี้ในตลาดในกรอบจะระบุกรอบราคา แล้วยังช่วยส่งสัญญาณการทะลุกรอบราคาด้วย
ข้อดีและข้อเสียของการเทรดตามเส้นแนวโน้มคืออะไร
ข้อดีของการเทรดตามเส้นแนวโน้ม
ข้อดีที่ได้จากการเทรดตามเส้นแนวโน้มคือ:
- การทะลุเส้นแนวโน้มคือสัญญาณการสิ้นสุดแนวโน้ม – คุณสามารถระบุได้ว่าแนวโน้มสิ้นสุดลงแล้วเมื่อราคาทะลุเส้นแนวโน้ม
- สามารถช่วยระบุระดับที่ควรเข้าเทรดได้ – คุณสามารถใช้จุดที่ราคาทะลุเส้นแนวโน้มเป็นระดับการเข้าเทรดในกลยุทธ์การเทรดของคุณได้
- สามารถช่วยระบุระดับที่ควรออกจากการเทรดได้ – คุณสามารถใช้การทะลุเส้นแนวโน้มเป็นเหตุผลในการออกจากการเทรดได้ และวางจุดออกจากการเทรดไว้ตรงจุดที่ราคาทะลุเส้นแนวโน้ม
- การเทรดตามเส้นแนวโน้มให้สัญญาณที่รวดเร็ว (มากกว่าตอนใช้ตัวบ่งชี้อื่น) – สัญญาณที่รวดเร็วนี้มักจะมาจากการใช้เส้นแนวโน้มในการเข้าหรืออกจากการเทรด แทนการใช้ระดับแนวรับและแนวต้านอื่นๆ ในการหาสัญญาณ
- คุณสามารถเพิ่มผลกำไรได้ – การใช้งานเส้นแนวโน้มข้างต้นสามารถเพิ่มผลกำไรของคุณได้ (แต่การทะลุกรอบราคาปลอมนั้นอาจทำให้คุณเสียกำไรได้ – ดูข้อเสียของการเทรดตามเส้นแนวโน้มได้ด้านล่าง)
ข้อเสียของการเทรดตามเส้นแนวโน้ม
- ข้อเสียหลักของการเทรดตามเส้นแนวโน้มคือบางครั้งจะเกิดสัญญาณปลอม ยกตัวอย่างเช่น ในแนวโน้มขาขึ้น อาจมีการทะลุเส้นแนวโน้มที่สูงขึ้น แต่ไม่ทะลุแนวรับถัดมา ทำให้แนวโน้มขาขึ้นดำเนินต่อไป
- คุณอาจเทรดในตลาดในกรอบด้วยการขายที่จุดสูงสุดของกรอบราคา และซื้อที่จุดสูงสุดของกรอบนั้น หรือคุณอาจมองหาการทะลุกรอบราคาหรือการทะลุแนวโน้มที่ไม่แน่นอน แต่บางครั้งการทะลุกรอบราคาเหล่านี้อาจเป็นการหลอก (หรือทะลุหลอกอย่างที่คนมักเรียกกัน)
ประเด็นสำคัญ
ตอนนี้คุณควรเข้าใจเรื่องตลาดในแนวโน้มและตลาดในกรอบมากขึ้น รู้วิธีระบุแนวโน้มและใช้เส้นแนวโน้มในตลาดขาขึ้น ขาลงและตลาดที่ไม่แน่นอนหรือตลาดในกรอบแล้ว
เมื่อคุณนำทักษะวิเคราะห์ทางเทคนิคใหม่นี้ไปใช้กับกลยุทธ์การเทรดของคุณ คุณควรระบุระดับการเข้าและออกจากการเทรดได้ดียิ่งขึ้น และถ้าพัฒนาทักษะนี้ไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์การเทรดของคุณจะดีขึ้นและจะได้กำไรมากขึ้นในระยะยาว